จากตอนที่แล้วที่ได้มีการแตะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกาแฟในมุมแคบและกว้างไปบ้างแล้ว
วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ในมุมที่หรูหราและมีค่าจนบางครั้งเราคิดว่า
นี่มันกาแฟหรือว่าทองกันวะเนี่ย
ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่สามารถหาบริโภคได้ในเกือบทุกซอกทุกมุมในบ้านเรา (ถ้าจะแพ้ก็แค่ส้มตำ)
จะเป็นเมล็ดพืชที่มีมูลค่ามากขนาดนี้
ซึ่งจริงๆก็อยากจะทราบเหมือนกันครับว่ากระบวนการที่สร้างสรรค์ให้เมล็ดพืชที่มีเมล็ดอยู่สองเมล็ดในผลเดียวชนิดนี้นั้นมาจากการใช้น้ำแร่จากโปแลนด์มารด
การเก็บโดยใช้เครื่องมือที่ทำจากแร่ Platinum การตากโดยใช้แสงแดดจากเทือกเขาเอเวอร์เรส
หรือการคั่วโดยใช้เม็ดมะขามเพื่อเพิ่มมูลค่าก็ตาม ชักจะเวิ่นอีกแล้ว เอาล่ะครับ
เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเมล็ดกาแฟที่แพงที่สุดในโลก 10 อันดับมีอะไรบ้าง
Kopi Luwak (Indonesia) ระดับราคาตั้งแต่ $115 ถึง $590 / 500 กรัม
Kopi Luwak |
Kopi Luwak หรือ กาแฟขี้ชะมด
(โชคดีที่เป็นชะมด) เป็นเมล็ดกาแฟที่มาจากการกินเมล็ดกาแฟดิบจากต้น หรือ Coffee
Cherry โดยชะมดท้องถิ่นพันธ์หนึ่งที่เรียกว่า Common Palm
Civet ซึ่งมีความเชื่อว่าชะมดมีประสาทสัมผัสในการเลือกกินเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุด
และสุกที่สุด รวมถึงระบบการย่อยของชะมดที่สามารถทำให้เปลือกของเมล็ดกาแฟสุมตรานั้นถูกลอกออกได้
ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลทำให้เมล็ดกาแฟนั้นมีรสชาติหวานมากขึ้น
โดยที่เมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการย่อยโดยชะมดนั้นจะถูกเก็บด้วยมือจากพื้นป่า
ฟังดูจากกระบวนการตามธรรมชาติมี่ซับซ้อนมากขนาดนี้ก็คงไม่แปลกใจที่เมล็ดกาแฟจะมีราคาแพง
และถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟที่แพงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ครับ
Hacienda La Esmeralda (Boquete, Panama) $100 / 500 กรัม
Esmeralda |
เมล็ดกาแฟจากประเทศปานามาสายพันธ์นี้ได้ปลูกอยู่ที่ระดับความสูงที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง
1,400 เมตร เมล็ดกาแฟชนิดนี้ได้ทำสถิติในการประมูลหลายต่อหลายครั้ง
ครั้งหนึ่งเมื่อถูกประมูลที่ราคา $21 / ปอนด์ในเดือนมิถุนายน 2004 อีกครั้งหนึ่งที่ราคา $50.25
/ ปอนด์ในเดือนพฤษภาคม 2006 ครั้งต่อไปที่ราคา
$130 / ปอนด์ในเดือนพฤษภาคม 2007 และที่ราคาสูงถึง
$170 / ปอนด์ในเดือนพฤษภาคม 2010 เมล็ดกาแฟจาก
Panama ชนิดนี้เป็นผลผลิตจากต้นกาแฟที่เติบโตในร่มเงาของต้นฝรั่ง
(อะไรมันจะขนาดนั้นวะ?)
ได้ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเป็นอย่งาดีในเรื่องของรสชาติและกลิ่น
และยังเคยได้รับเลือกเป็นเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดโดย Specialty Coffee
Association of America หรือ SCAA หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน
Island of St. Helena Coffee Company (St. Helena) $80 / 500 กรัม
Island of St. Helena |
กาแฟสายพันธ์ไฮโซชนิดนี้ปลูกอยู่ในเกาะ St.
Helena หรือ Island of St. Helena ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่ง
Africa ถึง 1,200 ไมล์
กาแฟสายพันธ์นี้ได้มีการเพาะพันธ์มากจากสายพันธ์มากจากประเทศเยเมน Yemen ในปี 1730 สำหรับเรื่องนี้ต้องขอบคุณท่าน Napoleon
Bonaparte ผู้ที่ริเริ่มกล่าวถึงกาแฟชนิดนี้โดยการยกย่องถึงกาแฟของเกาะแห่งนี้เมื่อเท้าของนักรบคนนี้ได้เหยียบลงบนเกาะแห่งนี้ในอดีต
แต่กาแฟจากเกาะนี้ได้หายไปจากความสนใจของแวดวงกาแฟโลกกว่าศตวรรษ จนกระทั่ง David
R. Henry เริ่มการส่งออกเมล็ดกาแฟชนิดนี้อีกครั้งในช่วงเริ่มต้นของยุค
90’s สำหรับผลผลิตของเมล็ดกาแฟชนิดนี้จะค่อนข้างต่ำ
อยู่ที่ระดับประมาณ 12 ตันต่อปีเท่านั้น
ซึ่งไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่ความต้องการเมล็ดกาแฟชนิดนี้จะค่อนข้างสูงตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เคยเรียนมาครับ
El Injerto (Huehuetenango, Guatemala) $25 / 500 กรัมสำหรับสารกาแฟดิบและราคาที่มากกว่า
$50 / 500 กรัมสำหรับเมล็ดกาแฟคั่วแบบปลีก
El Injerto |
เมล็ดกาแฟที่มีสเน่ห์จาก El Injerto ประเทศกัวเตมาลาชนิดนี้ได้ถูกเตรียมการอย่างเป็นพิเศษสำหรับ The
Cup of Excellence Auction ซึ่งเป็นรางวัลที่เมล็ดกาแฟจากไร่กาแฟคุ้นเคยดีโดยได้รับรางวัล
Cup of Excellence ครั้งแรกในปี 2006 ต่อมาในปี
2008, 2009, 2010 และ 2012 และในเดือนมิถุนายน
2012 ที่เพิ่งผ่านมานี้เองเมล็ดกาแฟชนิดนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการกาแฟด้วยราคาในการประมูลที่สูงถึง
$500.50 / ปอนด์ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดราคาหนึ่งที่เคยถูกประมูล
การประมูลครั้งนี้ทำให้ El Injerto เป็นเมล็ดกาแฟระดับแถวหน้าในวงการ
สำหรับประเภทของ El Injerto ที่ดีที่สุดนั้นเป็นมอคค่า 100%
ซึ่งเป็นสายพันธ์จากประเทศเยเมน ลักษณะเมล็ดจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยขนาดของเมล็ดจะเล็กประมาณ
1/3 ของเมล็ดกาแฟทั่วๆไป ซึ่งถือว่าพิเ ศษและหายากมากในโลกนี้
Fazenda Santa Ines (Minas Gerais,
Brazil) $50 / ปอนด์สำหรับสารกาแฟดิบในการประมูล
Fazenda Santa Ines is available here |
เมล็ดกาแฟจากประเทศบราซิลชนิดนี้เป็นเมล็ดกาแฟที่เคยได้คะแนนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ
Cup of Excellence ด้วยคะแนนที่รวมที่สูงถึง 95.85 จาก 100 คะแนน ผลผลิตของเมล็ดกาแฟที่มีในการประมูลนั้นมีปริมาณจำกัดและน้อยมาก
โดยสารกาแฟดิบเหล่านี้จะถูกซื้อโดย Caffe Artigiano จากประเทศแคนนาดาและโรงคั่วกาแฟ
2 เจ้าจากประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งคุณคงไม่สามารถจะหิ้วเมล็ดกาแฟคั่วเป็นถุงกลับบ้านได้ถ้าเกิดติดใจขึ้นมา
แต่คงสามารถหาชิมได้เป็นแก้วๆเท่านั้นที่ Caffe Artigiano หรือร้านกาแฟชั้นนำจริงๆทั่วโลก